คอลลิเออร์ส เผยนักลงทุน แห่เจรจาดีลซื้อขายโรงแรมคึก เซ่นพิษโควิด"แองเจิล“รับรอปิดดีลซื้อโรงแรมขนาดกลาง เสนอขาย 4-5 ราย "แกรนด์แอสเสทฯ" จ่อขายหุ้นใหญ่รอยัลออคิดฯ วงการเผยโรงแรมซื้อขายห้น-กิจการไม่ต่ำกว่า 20 แห่ง

นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวิจัย บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล(ประเทศไทย)จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมการซื้อธุรกิจโรงแรมในประเทศ ในช่วงวิกฤติโควิด-19ว่า หลังจากภาคธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบขยายตัวลดลง เนื่องจากการปิดการเดินทางเข้า-ออกประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ทำให้อัตราการเติบโตของจำนวนและมูลค่านักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยในปี 2563 มีแนวโน้มลดลงไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ 40.8 ล้านคน 

ดังนั้นธุรกิจโรงแรมที่มีสายป่านไม่ยาวพอ จึงประสบปัญหาขาดทุน จากรายได้ลดลง แต่รายจ่ายยังคงสูง ขณะที่อัตราการเข้าพักเฉลี่ยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 ลดลงมาอยู่ที่ 51.50% ในช่วงสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้นทำให้อัตราการเข้าพักลดลงเดือนมี.ค.ลดลงเหลือ 20.80% หลายรายไม่มีการเข้าพักเลยจนทำให้ต้องปิดกิจการ หลายรายต้องหาผู้ร่วมทุน จนถึงขายกิจการ

ทั้งนี้อัตราการซื้อ-ขายกิจการในปี 2563 พบว่า มีโรงแรมประกาศขายกิจการจำนวนมาก หากเทียบกันกับในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ที่มีมูลค่าการซื้อขายรวม 124,530 ล้านบาท แต่ในช่วงปี 2560 และปี 2561 มูลค่าการซื้อขายโรงแรมสูงกว่าปีละ 20,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

ขณะที่ผลกระทบโควิด-19 เป็นปัจจัยทำให้การเสนอขายกิจการโรงแรมเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะในเมืองที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว อาทิ กรุงเทพฯ ภูเก็ต สมุย พัทยา และเชียงใหม่ พบว่ามีการเสนอขายในราคาค่อนข้างต่ำหากเทียบกับในช่วงปีก่อนหน้า

นายไซม่อน ลี ประธานกรรมการบริษัท แองเจิล เรียลเอสเตท คอนซัลแทนซี่ จำกัด บริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดและขาย กล่าวว่า เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการที่แองเจิล จะมองหาโอกาสการลงทุนด้านธุรกิจโรงแรม เพราะเป็นราคาที่ต่ำ จึงมีโอกาสได้ผลตอบแทน (ยีลด์) ที่สูง ซึ่งขณะนี้มีเจ้าของโรงแรมเข้ามาเสนอขายกว่า 4-5 ราย จากหลากหลายทำเลที่น่าสนใจ กำลังอยู่ระหว่างพิจารณาตัดสินใจเลือกทำเล และรูปแบบการลงทุน รวมถึงมีการต่อรองราคา

ADVERTISEMENT

 

“มีธุรกิจโรงแรมประมาณ 4-5 รายเข้ามาเสนอหุ้น ให้ช่วยซื้อหุ้น โดยพ่วงสัญญาลูกค้าเข้าพักในอนาคต และยังมีบางรายเสนอขายโรงแรมทั้งหมดให้เราเข้าไปทำต่อ กำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจ หาทำเล และเจรจาราคา รวมถึงรูปแบบการลงทุน เป็นช่วงเวลาที่ดีในการลงทุนธุรกิจโรงแรมเพราะมีหลายรายเข้ามาเสนอขาย ในราคาที่น่าสนใจ หากลงทุนก็มีโอกาสได้ยีลด์ที่ดี ซึ่งกำลังรออีกในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า ช่วงเดือนก.ค.จึงค่อยตัดสินใจ เพราะเชื่อว่าราคาขายโรงแรมจะลดลงเพิ่มอีก”

สำหรับรูปแบบการลงทุนในแองเจิล ให้ความสนใจคือการร่วมทุน ที่มีความเสี่ยงน้อย คือการร่วมทุนครึ่งๆ ที่สามารถเลือกเข้าไปร่วมทุนได้ในหลายโรงแรม โดยเบื้องต้นวางแผนไว้ประมาณ 4 -5 แห่งในย่านใจกลางเมือง ตั้งแต่รัชดาภิเษก สุขุมวิท และริมแม่น้ำเจ้าพระยา ขนาดกลางๆ ไม่เกิน 80 ห้อง โดยโมเดลการร่วมทุนมีข้อดีคือช่วยกระจายความเสี่ยงและดึงจุดแข็งของแต่ละฝ่ายบริหารร่วมกัน โดยเจ้าของโรงแรมมีประสบการณ์ในธุรกิจ ขณะที่ทางแองเจิล มีสายสัมพันธ์กับบริษัททัวร์ในจีนและในต่างประเทศอื่น ทั้งญี่ปุ่น และตุรกี จึงสามารถดึงลูกค้าเข้ามาพักได้

ขณะที่แหล่งข่าวจากบริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ระบุว่า บริษัทฯอยู่ระหว่างเจรจากับนักลงทุนเพื่อเสนอขายหุ้นสัดส่วน 98.48%ในบริษัท โรงแรม รอยัล ออคิด (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ROH ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน โฮเทลส์ แอนด์ ทาวเวอร์ส โรงแรม 5 ดาว ขนาด 726 ห้อง เนื้อที่ 5 ไร่ ตั้งอยู่ริมน้ำเจ้าพระยา 

ขณะนี้เหลือตัวเลือกการเจรจาเงื่อนไขรายละเอียด 3 ราย จาก 5 ราย ประกอบด้วย กลุ่มซีพี.,โมริ บิลดิ้ง จากญี่ปุ่น ,กลุ่มแลงแฮม จากฮ่องกง,กลุ่มสิงคโปร์ และกลุ่มทุนจากไทยอีกราย คาดว่าจะได้ข้อยุติภายใน 1 เดือนข้างหน้า

แหล่งข่าวจากวงการธุรกิจโรงแรม ระบุว่า ขณะนี้มีโรงแรมระดับ 4 ดาว - 5 ดาว ในย่านสุขุมวิท สีลม พระราม 3 วิภาวดีรังสิต หลักสี่  ริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองเตย จำนวนไม่ต่ำกว่า 20 แห่งที่ประกาศขายธุรกิจผ่านนายหน้าซื้อขายอสังหาฯ ราคาเสนอขายหลักร้อยล้าน ไปจนถึงกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท แต่จะจบดีลที่ราคาใดนั้นขึ้นอยู่กับการต่อรอง